วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

Takuapa "Wonderful Town" (Thai Version)



เพราะหนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ กั่วป่า (ตะกั่วป่า) และเพื่อสนับสนุนคนทำหนัง เลยขอเอามาลงใน Blog นะครับ




อาทิตย์ และ ตัวตนของเขา



อาทิตย์เริ่มไปเติบโตที่ต่างประเทศเมื่ออายุได้ 15 ปี โดยอายุประมาณ 18-19 ก็เรียนปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ที่นิวยอร์ค เหตุผลที่เขาเรียนประวัติศาสตร์ แทนที่จะเรียนภาพยนตร์แต่แรก เพราะว่าตอนนั้นเขายังไม่ได้สนใจหนัง เขาไม่ใช่คนที่อายุแค่ 5 ขวบก็รู้แล้วว่าตัวเองต้องการเป็นผู้กำกับ แต่เป็นแค่เด็กเหมือนเด็กทั่วๆไป เขาเรียนเพราะคิดว่าวิชาประวัติศาสตร์มันเป็นมรดกของโลก มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเนื้อหาของวิชานี้ก็ครอบคลุมชีวิตของเราทุกคน


“ ถามว่าทำไมถึงเรียนประวัติศาสตร์? ผมคิดว่าประวัติศาสตร์มันเป็นการเล่าเรื่องอย่างนึง คือผมอ่านหนังสือมาเยอะน่ะ ผมอ่านเรื่องประวัติศาสตร์มาเยอะ


อ่านต่อได้ที่นี่


ในเวทีต่างประเทศ ชื่อของ Aditya Assarat เป็นที่คุ้นหูคุ้นตาไปทั่วโลก แม้ว่าตัวเขาจะไม่เคยทำหนังยาวอย่างจริงจัง มีเพียงหนังสั้น ซึ่งเขาก็เพิ่งจะทำเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น

อาทิตย์ อัสสรัตน์ สร้างชื่อให้แก่ตัวเองและหนังสั้นไทยด้วยผลงานอย่าง “ มอเตอร์ไซคล์ ” เรื่องของชายชราในเมืองชนบท ที่ได้ทราบข่าวร้ายว่าลูกชายของตนตาย หนังได้เดินทางไปประกวดและคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังสั้นกว่าครึ่งโลก และในอีกฐานะหนึ่ง เขาทำมิวสิควีดีโอเก๋ๆ ให้แก่ “พรู ” และศิลปินนักร้องอีกจำนวนหนึ่ง จนเคยคว้ารางวัลจาก Channel V Thailand , เคยได้รับทุนให้ติดตามดูการทำงานของผู้กำกับชาวอินเดียระดับโลก มิร่า แนร์ เคยร่วมกำกับหนังสารคดี Three Friends ร่วมกับ มล . มิ่งมงคล โสณกุล และภูมินทร์ ชินารดี จนไปอวดโฉมในเทศกาลหนังก้องโลกอย่างปูซาน และโตรอนโต้

เพราะฉะนั้น เมื่ออาทิตย์ หรือที่มักจะรู้จักกันดีในวงการหนังอินดี้ว่า จุ๊ก จะมีผลงานหนังยาวเรื่องแรก Wonderful town ด้วยเหตุนี้ thaicinema.org คิดว่าคงจะไม่มีเวลาใดที่เหมาะสมที่สุดที่โลกภายนอกจะมารู้จักทั้งตัวเขา และ Wonderful Town กันมากขึ้น


จุดเริ่มต้นของ Wonderful Town

จุดเริ่มต้นการทำหนังยาวของอาทิตย์ เกิดขึ้นเมื่อเขามาอยู่เมืองไทยได้ 2-3 ปี เขาก็เริ่มคิดเริ่มเขียนโปรเจ็คท์หนังยาว

“ แล้วตอนนั้นผมก็ทำหนังสั้นไป 4-5 เรื่องแล้วน่ะ มันก็ไปฉายเทศกาลไปได้รางวัล เริ่มอยู่ในระบบการหาทุน ส่งไปโครงการ PPP มันเป็นโครงการสนับสนุนหนังยาวในทวีปเอเชีย ก็ได้รับคัดเลือก ก็เริ่มไปเรียนรู้ระบบของหนังยาว เรียนรู้ว่าเงินทุนมันมาจากไหน อะไรคือโปรดิวเซอร์? โปรดิวเซอร์ทำอะไร? อะไรคือนายทุนแล้วเขาอยากจะได้หนังแบบไหน? ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราต้องเรียนรู้หมดเลย เพราะว่ามันไม่มีใครมาบอกเราน่ะ แล้วก็เคยทำงานกับพี่เต่านา พี่เต่านาเป็นโปรดิวเซอร์ เราเป็นผู้กำกับ (หนังดิจิตอลเรื่อง Three Friends )

มันก็ได้เรียนรู้กันน่ะ แล้วสุดท้าย โปรเจ็คท์ที่ผมคิดขึ้นมาก็ล้มไปสองสามอัน เพราะว่ามันมีหลายเหตุผลน่ะ เหตุผลหนึ่งก็คือตอนนั้นเรายังไม่รู้นะ เรายังไม่ได้เข้าใจว่าการทำหนังเรื่องหนึ่งมันเป็นยังไง มันยากแค่ไหน ”

เรื่องการทำหนังกับสตูดิโอหนังไทย ไม่ได้อยู่ในความคิดของอาทิตย์ตั้งแต่แรก
“ เผอิญเราถูกหล่อหลอมมาอีกแบบนึงน่ะ คือเราไปเรียนหนังน่ะ เราไปเสพหนังแบบที่ค่ายเขาคงไม่สนใจที่จะทำ อาจจะเป็นหนังที่คนไทยเขาไม่อยากจะดูด้วยซ้ำ ตรงนี้ก็ต้องยอมรับ อันที่สองก็คือผมชอบค่ายนะ ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นนระบบการทำงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เรื่องการเงินมันง่าย มีคนค่อยออกตังค์ให้ คนในค่ายเขาก็เชี่ยวชาญด้วยรู้ว่าคนไทยอยากดูอะไร แต่ว่าผมและคนทำหนังอิสระคนอื่นๆ ดันอยากทำหนังที่คนไทยเขาไม่อยากดูกันน่ะ ไอ้ตรงนี้ทำให้มันเริ่มต้นยาก ตอนหาทุนก็ต้องหาทุนนอกระบบ ถ้าเกิดไม่หาทุนจากใครที่รวยๆ สักคน ที่เป็นป้า เป็นพ่อแม่อย่างเนี่ย ก็ต้องไปหาต่างประเทศ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเรียนรู้มากเกี่ยวกับระบบ ว่าคุณอยากจะทำอะไร แล้วถ้าคุณอยากจะทำอย่างนั้นน่ะ มันมีทางไหนบ้างที่คุณจะทำอย่างนั้นได้ ผ่านมาสองสามปี จนผมได้เริ่มทำ Wonderful Town ผมก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น ถ้าผมจะทำหนังยาวผมควรจะทำหนังแบบเล็กๆ ใช้ทุนน้อยๆ ”

หนังเรื่องนี้เป็นคนล่ะเรื่องกับหนังที่ชื่อว่าSideline ซึ่งตั้งใจจะสร้างร่วมกับซีเนมาเซีย ของนนทรีย์ นิมิบุตร (หรืออีกชื่อก็คือ 100% love song) โดย Wonderful Town สร้างโดยบริษัท ป็อบ พิคเจอร์ ที่อาทิตย์และพรรคพวกช่วยกันก่อตั้งขึ้น และหาทุนกันเอง “ โชคดีที่ผมได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ แต่สุดท้ายก็ต้องทำหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะว่าคนอื่นเขาไม่อยากทำน่ะ ค่ายไม่อยากทำหนังเล็กๆ น่ะ ค่ายเขาชอบทำหนังใหญ่ๆ อย่างโหน่งเท่ง อะไรพวกนั้น ”

เรื่องราวของ Wonderful Town

Wonderful Town เกิดขึ้นจากการที่อาทิตย์เดินทางไปพังงาเพื่อดูโลเคชั่นสำหรับ Sideline และเห็นโรงแรมที่หนึ่ง และชอบมาก เขาได้ไปอยู่ประมาณ 2-3 วันและได้เดินดูรอบๆ สถานที่ “ มันเป็นโรงแรมเล็กๆ อันนึงที่สวยดี ไม่ได้ถึงกับสวยมาก โรงแรมนี้เป็นจุดกำเนิดของ Wonderful Town หนังทั้งเรื่องเกิดขึ้นในโรงแรมหมดเลย นี่เป็นหนังเล็กๆ เกี่ยวกับคนสองคนน่ะ เกี่ยวกับสถาปนิกที่ไปทำงานที่ภาคใต้ ไปช่วยสร้างโรงแรมใหม่แทนของเก่าที่โดนคลื่นสึนามิทำลายไปน่ะ และเขาก็ไปอยู่ในเมืองนี้ มันคือเมืองตะกั่วป่า เขาไปพักในโรงแรมเล็กๆ โรงแรมกระจอกๆ นี้แล้วก็ไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นผู้หญิงคนนึง เมืองตะกั่วป่าสำหรับเราเนี่ยมันเป็นเมืองที่น่าสนใจ มันเป็นสภาพเมืองหลัง aftershock หลายๆ คนยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรื่องราวหลักๆ คือความสัมพันธ์ของตัวเองสองคนนี้ ”

ความยากลำบากในฐานะหนังทุนต่ำ

ด้วยทุนที่น้อย ทำให้อาทิตย์จำเป็นจะต้องบริหารเงินให้ใช้ไปอย่างเหมาะสมที่สุด นั่นแปลว่าเขาจะต้องถ่ายทำด้วยระยะเวลาอันสั้น ซึ่งถือว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับการทำหนังเรื่องอื่นๆ “ ตอนผมเรียนหนัง จะมีสามเหลี่ยมอันหนึ่งที่ครูเขาสอน สามเหลี่ยมของการทำหนัง สามจุดน่ะ คือ ถูก ดี และก็เร็ว ทำหนังทุกเรื่องจะได้แค่สองอันไม่มีทางได้สามอัน คุณเอาถูกและดีมันก็จะไม่เร็ว คุณจะเอาเร็วและดีมันก็จะไม่ถูก และถ้าคุณเอาเร็วและก็ถูกน่ะมันก็ไม่ดี เราทำหนังเรื่องนี้เราก็เจอแบบนี้ เรามีตังค์ก้อนนึงแต่มันไม่เยอะ มันหมายความว่าเราไม่มีเวลา เราต้องทำงานให้เร็ว ”

ส่วนเรื่องที่ว่าพอมีเวลาน้อยเงินน้อย จะทำให้งานขาดคุณภาพหรือเปล่า อาทิตย์ก็ตอบว่า “ ก็พยายามทำให้ดี เท่าที่จะทำได้ เราถือว่าเรามีเงินเท่านี้ มีทีมงานเท่านี้ เรามีข้อจำกัดของเรา เราก็ทำภายใต้ข้อจำกัด ”

ตอนนี้ Wonderful Town กำลังตัดต่อโดยลี ชาตะเมธิกุล มือตัดต่อคนสำคัญของไทย

คงเน้นเวทีอัลเทอเนทีฟ : เมื่อถามถึงเวทีที่จะฉาย อาทิตย์คิดว่าหาทางคงจะต้องเป็นเทศกาลต่างๆ “ เทศกาลหนังมันเป็นหอศิลป์ คุณทำหนังเสร็จแล้วคุณก็ส่งไปเทศกาล มันคล้ายๆ กับคนที่สนใจหนังในเชิงศิลปะเขาสนใจก็จะมาดูกัน นายทุนนักธุรกิจที่สนใจหนังในฐานะของสินค้าเขาก็จะมาดูกัน มันเป็นพื้นฐานน่ะ

ส่วนเรื่องฉายเมืองไทย ถ้ามีผู้จัดจำหน่ายก็คงไม่ใช่ผู้จัดจำหน่ายใหญ่น่ะ อาจจะเป็นไบโอสโคป เพราะเขามีแบรนด์อะไรอยู่แล้ว คนก็รู้ว่าไบโอนี่เป็นอัลเทอเนทีฟอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีใครเข้าใจวิธีที่จะเอาหนังไปฉาย ก็คงเป็นพวกนี้ แต่ถ้าคุยกับทางสหมงคลฟิล์ม เขาก็คงไม่เอาไปฉายหรอก เขาไม่ถนัดและไม่สนใจหนังในลักษณะแบบนี้น่ะ หนังผมก็คงไม่เหมาะน่ะ ”

ที่มา : http://www.thaicinema.org


Blog : http://mytakuapa.blogspot.com

1 ความคิดเห็น: