วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Kanchanaburi 2007-11-10

ย้อนอดีต เที่ยวกาญ แบบเช้าไปเย็นกลับ สมัยที่ยังไม่มีสัตว์นรกปาหิน 2007-11-10

ขับรถเข้าตัวเมืองกาญฯ กัน เป็นครั้งแรกที่มาก ไม่ได้ทำการบ้านที่กินที่เที่ยวมาด้วย เลยไปเที่ยวแต่ที่ขึ้นชื่อ

เริ่มกันที่ สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก








ต่อกันที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว





ก่อนกลับบ้าน แวะตลาดดอนหวายซักหน่อย ที่ขาดไม่ได้ที่ต้องซื้อติดมือกลับบ้านด้วย นี่เลย เป็ดนายหนับ ขายจนรวม บ้านหลังโตมากกกก ส่งลูกเรียนเมืองนอกกันเลยทีเดียว อาชีพค้าขายนี้ถ้าจับจุดได้ แล้วขายดี กำไร 100% เลยนะ







วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Trang Zone ห้วยยอด ทับเที่ยง กันตัง

รีวิวนี้อุทิศแด่เพื่อนผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่จะอยู่ในความทรงจำของเพื่อนๆ ทุกคน

สืบเนื่องจากต้องเดินทางไปงานศพเพื่อนที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เราออกเดินทางกันตั้งแต่วันที่ 14 สิงหา ออกกันตั้งแต่เช้ามืดเลย ตั้งแต่ตี 5 กว่าๆ แถมวันนี้ฝนตกในกรุงเทพหนักด้วย ที่ต้องออกเร็ว เพราะว่าต้องการไปถึงห้วยยอดก่อนค่ำ และเลี่ยงถูกพวกสัตว์นรกปาหิน การเดินทางใช้เวลาโดยประมาณ 12 ชั่วโมงจากกรุงเทพ ถึงห้วยยอด

ออกเดินทางมาได้พักหนึ่ง เราก็แวะที่วัดวังมะนาว ทางที่จะเข้าเพชรบุรี และเป็นพื้นที่ของจังหวัดราชบุรี เพื่อพักทานข้าวที่เตรียมมา วัดที่เคยแวะมาครั้งหนึ่งแล้ว เป็นวัดที่เงียบสงบดี มีโบสถ์สวยงาม



หลังจากกินกันอิ่มแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ มีแวะพักรถ พักคนเป็นระยะๆ ช่วงประจวบกับชุมพร แถวนี้ปั้มน้ำมันแข่งขันกันสูงดี ปั้มทองคำบ้าง ส้อมอันดับหนึ่งบ้าง แต่ละปั้มก็หาเอกลักษณ์ของตัวเองดีนะ ว่างๆ รีวิวปั้มพวกนี้ตามทางน่าจะดี 555

ขับสนถึงอำเภอบางสะพาน ดูเวลามีเหลือพอสมควร เพราะขับมาเร็วมาก เลยแวะไหว้พระกัน พระพุทธกิติสิริชัย





ออกจากบางสะพาน ก็มุ่งหน้าไปห้วยยอด เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก สนถึงห้วยยอด ประมาณ 17.20 น. แวะหาของกิน พักผ่อน

รุ่งเช้าวันที่ 15 เราใช้เวลาที่มี ไปเที่ยวที่ทับเที่ยง และกันตังกัน เราเลือกที่จะไปพิพิธภัณฑ์พระยารัษฏาประดิษฐ์มหิศรภักดี ผู้มีพระคุณที่ทำให้คนหลายๆ ครอบครัวในภาคใต้มีอาชีพมีความอยู่ดีกินดี เพราะท่านเป็นคนนำต้นยางพาราเข้ามาปลูกในเมืองไทย ทำให้ลูกหลานอย่างพวกเรามีกินมีใช้ สุขสบายกัน สำนึกในบุญคุณของท่านเป็นอย่างยิ่ง





เสร็จจากเที่ยวพิพิธภัณฑ์ เราไปต่ออีกสองสามที่ นับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวถึงกันตัง จะเที่ยงแล้ว ลูกทัวร์หิวกันแล้ว ไปรู้จักร้านไหนเลย หาจาก GPS แล้วเราเลือกกันมาร้านหนึ่งคือร้าน ริมน้ำ









ยำสามกรอบ เม็ดกาหยี่ (ท้ายครก, เล็ดหลอ, กาหยู่, เม็ดมะม่วงหิมพานต์) ใหญ่ กรอบได้ใจจริงๆ รสชาดก็ OK นะ

ต่อไปเป็นกุ้งมะขาม รสชาดยังไม่ผ่าน สู้ที่กระบี่กับที่แม่ผมทำไม่ได้ แต่กุ้งเนื้อแน่น และตัวใหญ่ดี ราคาก็สมน้ำสมเนื้อ






ปลาเต๋าเต้ยหม้อไฟ ขอขึ้นชื่อของที่นี้ ไม่เคยกินปลาเต๋าเต้ยเหมือนกัน แต่เคยเห็นรีวิวของคุณ Calamity ที่ร้านแดง แม่กลอง รู้แต่ว่ามันแพงเหมือนกัน หม้อนี้เกือบพัน แต่ก็ไม่ผิดหวังครับ เนื้อปลาอร่อย





ไข่เจียวหอยนางรม



ปลาเต๋าเต้ย ราดน้ำจิ้มเต๋าเจี๊ยว อร่อยไปอีกแบบ

ได้เวลากลับกันแล้ว เพราะเราต้องเข้าไปที่สวน และต้องเตรียมตัวไปงานศพอีก

ทางเข้าสวนวันนี้ ทรมานใจคนรักรถเหลือเกิน เพราะฝนตกมาพักใหญ่แล้ว ทำให้ทางทั้งแฉะและลื่น







ช่วงนี้ที่สวน ผลไม้ออกเต็มมาก ทั้งกิน ทั้งแจก ทั้งขายกันไม่ทัน ไปถึงที่บ้าน อากำลังเอาทุเรียนที่มีเหลือเฟือมาทำทุเรียนกวน เห็นแล้วแทบอดใจไม่ไหว











ลูกยางพันธ์ต่างๆ สมัยเด็กเคยเอามาทำใบพัดแบบใบพัดของโดราเอมอน สนุกไปตามวัยดี




กำลังเคร่งเครียดกันเลย หาฤกษ์แต่งอยู่ :)









เหมาเรียนกวน กะทะนี้กลับกรุงเทพหมดเลยนะครับ

ได้เวลาต้องไปเตรียมตัวไปงานศพแล้ว

+กลับมาใต้ทีไร ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ เลย ชีวิตที่นี้มันชั่งเป็นชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องรีบเร่งอะไร มีญาติพี่น้องพร้อมหน้า ไปไหนก็ได้ อีกพักหนึ่งคงได้กลับมาอยู่ถาวร ตอนนี้ต้องทำงาน เก็บเงินไปก่อน+

+Bangkok not my home+