วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

Mr. President, Barack Obama


ผ่านพ้นไปกับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา Mr. President, Barack Obama คำสุนทรพจน์น่าประทับใจยิ่ง

เมื่อรู้ว่าโอบามาได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกา ทำให้นึกถึงตัวละครใน 24 ที่ประธานาธิบดีก็เป็นคนผิวสี แถมเป็นตัวละครที่มีความเป็นผู้นำสูง และเป็นตัวละครที่ผมชอบมากคนหนึ่ง Mr. President, David Palmer นั่นเอง หากใครได้ติดตาม 24 ก็คงคิดเหมือนกันครับผม





24 ทำให้อเมริกามีประธานาธิบดีผิวสีเป็นครั้งแรกไหม อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ในความรู้สึกผมมันอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ เหมือนเป็นการชี้นำ และยิ่งบุคคลิกของ David Palmer ที่มีความเป็นผู้นำสูงแล้ว มันอาจเป็นตััวชักนำให้มีประธานาธิบดีโอบามาก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไร นั่นก็ต้องเป็นเพราะตัวโอบามาเองด้วย ที่แสดงให้คนอเมริกา และทั่วโลกเห็นว่า เค้าสมควรที่จะได้ดำรงตำแหน่งนี้

http://www.barackobama.com :
I'm asking you to believe. Not just in my ability to bring about real change in Washington... I'm asking you to believe in yours.
HOPE
Change, We can believe in.
Yes, We Can

วันนี้อเมริกามีประธานาธิบดีผิวสีคนแรกแล้ว วันหน้าผมว่า เราคงได้เห็นประธานาธิบดีผู้หญิงคนแรกของอเมริกากันบ้าง ถึงตอนนั้นเราจะคุ้นกับการเรียกประธานาธิบดีว่า Madame President แทน Mr. President เพราะใน 24 Season 7 ตอนนี้เค้าให้ตัวละครที่เป็นประธานาธิบดีซึ่งเข้าสาบานตนรับตำแหน่งเช่นกัน เป็นผู้หญิง รอดูกันครับว่าเมื่อไรจะถึงวันนั้น



วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

Save The World!!! STOP Global Warming.

From Heroes Series, if you "Save cheerleader" you can "Save the world", you'll be a hero. By the way, i never ever save any cheerleader. But i can save my a little world, So i'am HERO. Yatta !!!!




Why i am a hero. Every sunday i sold garbage to recycle factory, i and my office maid collected any garbage that can recycle such as 'Bottle', 'Any kind of Plastic', 'Paper', 'Can', etc. The benefit of this staff that help our world from 'Golbal warming critical' and i got some money from bought garbage.



All of us can save our world, i am a part of process to decreased global warming. you can find your way to do that bacause we have many way to save our world.


Let's save our world for our next generation.


วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2552

Jack Bauer Messenger Bag

'Cause i'm crazy 24 series and Jack Bauer so much. when season 5 showed and i saw jack bauer gear. It's Jack Bauer Messenger Bag, affectionately known as the "Jack Pack" by 24 fans, this military-style messenger bag ($17) was used throughout Season 5 to store all of Jack's essentials. Made of heavyweight canvas, the olive green bag has a large main compartment and several pockets. It measures 15 x 11 x 6 inches


I'm told my friend in Washington, DC to bought this bag to me and sent parcel via courier service to me in Thailand. I think i own "Jack Pack" only one in thailand.


So, Now season 7 is showing, Enjoy the show 24.







วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

เมื่อตะกั่วป่า เกือบได้เป็นจังหวัดตะกั่วป่าจนทุกวันนี้

ตะกั่วป่า Takuapa
ตะกั่วป่า Takuapa
ตะกั่วป่า Takuapa

Happy New Year 2009 (สวัสดีปีใหม่ 2552) ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสกลับไปบ้านที่ตะกั่วป่า หลังจากไม่ได้กลับไปนานอยู่ กลับบ้านทีไร ชอบตื่นแต่เช้า เพราะว่าอากาศดีมากๆ ไม่เหมือนที่กรุงเทพ อากาศยามเช้าคนละเรื่องกับที่บ้านไร ตื่นมาไม่รอช้า ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็จับจักรยานคู่ใจออกถ่ายรูป ที่แรกที่แวะไป เป็นที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า ซึ่งเป็นตึกเก่าแก่หลายสิบปีแล้ว ตอนเด็กๆ เคยขึ้นไปวิ่งเล่นประจำ

วันนี้เลยเอาประวัติของที่ว่าการอำเภอมาให้อ่านกัน

ที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2472 เพื่อใช้เป็นศาลากลางจังหวัดตะกั่วป่า จนเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2475 ในสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จังหวัดตะกั่วป่าถูกลดฐานะเป็นอำเภอ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของชาติตกต่ำอย่างมาก ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้จึงใช้เป็นที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า เป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าด้านสถาปัตยกรรม ลักษณะตัวอาคารเป็นคอนกรีต เสริมเหล็ก ผนักก่ออิฐถือปูน พื้นอาคารเป็นไม้สัก หลังคาปูด้วยกระเบื้องหินทรายลูกฟูก เป็นสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสประยุกต์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากรแล้ว

Takuapa Administative Office
The Takuapa Administrative Office was originally built as a Provincial Goverment House in 1826. However, after Takuapa Province was demoted to a distinct on April 1st 1832 due to the nation 's economic depression during the seventh monarch of the Chakri Dynasty, the provincial Government house become the Takuapa Administrative Office.

The Chino - Portuguese architecture of the building is of great value.

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

Takuapa "Wonderful Town" (Thai Version)



เพราะหนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ กั่วป่า (ตะกั่วป่า) และเพื่อสนับสนุนคนทำหนัง เลยขอเอามาลงใน Blog นะครับ




อาทิตย์ และ ตัวตนของเขา



อาทิตย์เริ่มไปเติบโตที่ต่างประเทศเมื่ออายุได้ 15 ปี โดยอายุประมาณ 18-19 ก็เรียนปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ที่นิวยอร์ค เหตุผลที่เขาเรียนประวัติศาสตร์ แทนที่จะเรียนภาพยนตร์แต่แรก เพราะว่าตอนนั้นเขายังไม่ได้สนใจหนัง เขาไม่ใช่คนที่อายุแค่ 5 ขวบก็รู้แล้วว่าตัวเองต้องการเป็นผู้กำกับ แต่เป็นแค่เด็กเหมือนเด็กทั่วๆไป เขาเรียนเพราะคิดว่าวิชาประวัติศาสตร์มันเป็นมรดกของโลก มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเนื้อหาของวิชานี้ก็ครอบคลุมชีวิตของเราทุกคน


“ ถามว่าทำไมถึงเรียนประวัติศาสตร์? ผมคิดว่าประวัติศาสตร์มันเป็นการเล่าเรื่องอย่างนึง คือผมอ่านหนังสือมาเยอะน่ะ ผมอ่านเรื่องประวัติศาสตร์มาเยอะ


อ่านต่อได้ที่นี่


ในเวทีต่างประเทศ ชื่อของ Aditya Assarat เป็นที่คุ้นหูคุ้นตาไปทั่วโลก แม้ว่าตัวเขาจะไม่เคยทำหนังยาวอย่างจริงจัง มีเพียงหนังสั้น ซึ่งเขาก็เพิ่งจะทำเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น

อาทิตย์ อัสสรัตน์ สร้างชื่อให้แก่ตัวเองและหนังสั้นไทยด้วยผลงานอย่าง “ มอเตอร์ไซคล์ ” เรื่องของชายชราในเมืองชนบท ที่ได้ทราบข่าวร้ายว่าลูกชายของตนตาย หนังได้เดินทางไปประกวดและคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังสั้นกว่าครึ่งโลก และในอีกฐานะหนึ่ง เขาทำมิวสิควีดีโอเก๋ๆ ให้แก่ “พรู ” และศิลปินนักร้องอีกจำนวนหนึ่ง จนเคยคว้ารางวัลจาก Channel V Thailand , เคยได้รับทุนให้ติดตามดูการทำงานของผู้กำกับชาวอินเดียระดับโลก มิร่า แนร์ เคยร่วมกำกับหนังสารคดี Three Friends ร่วมกับ มล . มิ่งมงคล โสณกุล และภูมินทร์ ชินารดี จนไปอวดโฉมในเทศกาลหนังก้องโลกอย่างปูซาน และโตรอนโต้

เพราะฉะนั้น เมื่ออาทิตย์ หรือที่มักจะรู้จักกันดีในวงการหนังอินดี้ว่า จุ๊ก จะมีผลงานหนังยาวเรื่องแรก Wonderful town ด้วยเหตุนี้ thaicinema.org คิดว่าคงจะไม่มีเวลาใดที่เหมาะสมที่สุดที่โลกภายนอกจะมารู้จักทั้งตัวเขา และ Wonderful Town กันมากขึ้น


จุดเริ่มต้นของ Wonderful Town

จุดเริ่มต้นการทำหนังยาวของอาทิตย์ เกิดขึ้นเมื่อเขามาอยู่เมืองไทยได้ 2-3 ปี เขาก็เริ่มคิดเริ่มเขียนโปรเจ็คท์หนังยาว

“ แล้วตอนนั้นผมก็ทำหนังสั้นไป 4-5 เรื่องแล้วน่ะ มันก็ไปฉายเทศกาลไปได้รางวัล เริ่มอยู่ในระบบการหาทุน ส่งไปโครงการ PPP มันเป็นโครงการสนับสนุนหนังยาวในทวีปเอเชีย ก็ได้รับคัดเลือก ก็เริ่มไปเรียนรู้ระบบของหนังยาว เรียนรู้ว่าเงินทุนมันมาจากไหน อะไรคือโปรดิวเซอร์? โปรดิวเซอร์ทำอะไร? อะไรคือนายทุนแล้วเขาอยากจะได้หนังแบบไหน? ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราต้องเรียนรู้หมดเลย เพราะว่ามันไม่มีใครมาบอกเราน่ะ แล้วก็เคยทำงานกับพี่เต่านา พี่เต่านาเป็นโปรดิวเซอร์ เราเป็นผู้กำกับ (หนังดิจิตอลเรื่อง Three Friends )

มันก็ได้เรียนรู้กันน่ะ แล้วสุดท้าย โปรเจ็คท์ที่ผมคิดขึ้นมาก็ล้มไปสองสามอัน เพราะว่ามันมีหลายเหตุผลน่ะ เหตุผลหนึ่งก็คือตอนนั้นเรายังไม่รู้นะ เรายังไม่ได้เข้าใจว่าการทำหนังเรื่องหนึ่งมันเป็นยังไง มันยากแค่ไหน ”

เรื่องการทำหนังกับสตูดิโอหนังไทย ไม่ได้อยู่ในความคิดของอาทิตย์ตั้งแต่แรก
“ เผอิญเราถูกหล่อหลอมมาอีกแบบนึงน่ะ คือเราไปเรียนหนังน่ะ เราไปเสพหนังแบบที่ค่ายเขาคงไม่สนใจที่จะทำ อาจจะเป็นหนังที่คนไทยเขาไม่อยากจะดูด้วยซ้ำ ตรงนี้ก็ต้องยอมรับ อันที่สองก็คือผมชอบค่ายนะ ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นนระบบการทำงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เรื่องการเงินมันง่าย มีคนค่อยออกตังค์ให้ คนในค่ายเขาก็เชี่ยวชาญด้วยรู้ว่าคนไทยอยากดูอะไร แต่ว่าผมและคนทำหนังอิสระคนอื่นๆ ดันอยากทำหนังที่คนไทยเขาไม่อยากดูกันน่ะ ไอ้ตรงนี้ทำให้มันเริ่มต้นยาก ตอนหาทุนก็ต้องหาทุนนอกระบบ ถ้าเกิดไม่หาทุนจากใครที่รวยๆ สักคน ที่เป็นป้า เป็นพ่อแม่อย่างเนี่ย ก็ต้องไปหาต่างประเทศ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเรียนรู้มากเกี่ยวกับระบบ ว่าคุณอยากจะทำอะไร แล้วถ้าคุณอยากจะทำอย่างนั้นน่ะ มันมีทางไหนบ้างที่คุณจะทำอย่างนั้นได้ ผ่านมาสองสามปี จนผมได้เริ่มทำ Wonderful Town ผมก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น ถ้าผมจะทำหนังยาวผมควรจะทำหนังแบบเล็กๆ ใช้ทุนน้อยๆ ”

หนังเรื่องนี้เป็นคนล่ะเรื่องกับหนังที่ชื่อว่าSideline ซึ่งตั้งใจจะสร้างร่วมกับซีเนมาเซีย ของนนทรีย์ นิมิบุตร (หรืออีกชื่อก็คือ 100% love song) โดย Wonderful Town สร้างโดยบริษัท ป็อบ พิคเจอร์ ที่อาทิตย์และพรรคพวกช่วยกันก่อตั้งขึ้น และหาทุนกันเอง “ โชคดีที่ผมได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ แต่สุดท้ายก็ต้องทำหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะว่าคนอื่นเขาไม่อยากทำน่ะ ค่ายไม่อยากทำหนังเล็กๆ น่ะ ค่ายเขาชอบทำหนังใหญ่ๆ อย่างโหน่งเท่ง อะไรพวกนั้น ”

เรื่องราวของ Wonderful Town

Wonderful Town เกิดขึ้นจากการที่อาทิตย์เดินทางไปพังงาเพื่อดูโลเคชั่นสำหรับ Sideline และเห็นโรงแรมที่หนึ่ง และชอบมาก เขาได้ไปอยู่ประมาณ 2-3 วันและได้เดินดูรอบๆ สถานที่ “ มันเป็นโรงแรมเล็กๆ อันนึงที่สวยดี ไม่ได้ถึงกับสวยมาก โรงแรมนี้เป็นจุดกำเนิดของ Wonderful Town หนังทั้งเรื่องเกิดขึ้นในโรงแรมหมดเลย นี่เป็นหนังเล็กๆ เกี่ยวกับคนสองคนน่ะ เกี่ยวกับสถาปนิกที่ไปทำงานที่ภาคใต้ ไปช่วยสร้างโรงแรมใหม่แทนของเก่าที่โดนคลื่นสึนามิทำลายไปน่ะ และเขาก็ไปอยู่ในเมืองนี้ มันคือเมืองตะกั่วป่า เขาไปพักในโรงแรมเล็กๆ โรงแรมกระจอกๆ นี้แล้วก็ไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นผู้หญิงคนนึง เมืองตะกั่วป่าสำหรับเราเนี่ยมันเป็นเมืองที่น่าสนใจ มันเป็นสภาพเมืองหลัง aftershock หลายๆ คนยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรื่องราวหลักๆ คือความสัมพันธ์ของตัวเองสองคนนี้ ”

ความยากลำบากในฐานะหนังทุนต่ำ

ด้วยทุนที่น้อย ทำให้อาทิตย์จำเป็นจะต้องบริหารเงินให้ใช้ไปอย่างเหมาะสมที่สุด นั่นแปลว่าเขาจะต้องถ่ายทำด้วยระยะเวลาอันสั้น ซึ่งถือว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับการทำหนังเรื่องอื่นๆ “ ตอนผมเรียนหนัง จะมีสามเหลี่ยมอันหนึ่งที่ครูเขาสอน สามเหลี่ยมของการทำหนัง สามจุดน่ะ คือ ถูก ดี และก็เร็ว ทำหนังทุกเรื่องจะได้แค่สองอันไม่มีทางได้สามอัน คุณเอาถูกและดีมันก็จะไม่เร็ว คุณจะเอาเร็วและดีมันก็จะไม่ถูก และถ้าคุณเอาเร็วและก็ถูกน่ะมันก็ไม่ดี เราทำหนังเรื่องนี้เราก็เจอแบบนี้ เรามีตังค์ก้อนนึงแต่มันไม่เยอะ มันหมายความว่าเราไม่มีเวลา เราต้องทำงานให้เร็ว ”

ส่วนเรื่องที่ว่าพอมีเวลาน้อยเงินน้อย จะทำให้งานขาดคุณภาพหรือเปล่า อาทิตย์ก็ตอบว่า “ ก็พยายามทำให้ดี เท่าที่จะทำได้ เราถือว่าเรามีเงินเท่านี้ มีทีมงานเท่านี้ เรามีข้อจำกัดของเรา เราก็ทำภายใต้ข้อจำกัด ”

ตอนนี้ Wonderful Town กำลังตัดต่อโดยลี ชาตะเมธิกุล มือตัดต่อคนสำคัญของไทย

คงเน้นเวทีอัลเทอเนทีฟ : เมื่อถามถึงเวทีที่จะฉาย อาทิตย์คิดว่าหาทางคงจะต้องเป็นเทศกาลต่างๆ “ เทศกาลหนังมันเป็นหอศิลป์ คุณทำหนังเสร็จแล้วคุณก็ส่งไปเทศกาล มันคล้ายๆ กับคนที่สนใจหนังในเชิงศิลปะเขาสนใจก็จะมาดูกัน นายทุนนักธุรกิจที่สนใจหนังในฐานะของสินค้าเขาก็จะมาดูกัน มันเป็นพื้นฐานน่ะ

ส่วนเรื่องฉายเมืองไทย ถ้ามีผู้จัดจำหน่ายก็คงไม่ใช่ผู้จัดจำหน่ายใหญ่น่ะ อาจจะเป็นไบโอสโคป เพราะเขามีแบรนด์อะไรอยู่แล้ว คนก็รู้ว่าไบโอนี่เป็นอัลเทอเนทีฟอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีใครเข้าใจวิธีที่จะเอาหนังไปฉาย ก็คงเป็นพวกนี้ แต่ถ้าคุยกับทางสหมงคลฟิล์ม เขาก็คงไม่เอาไปฉายหรอก เขาไม่ถนัดและไม่สนใจหนังในลักษณะแบบนี้น่ะ หนังผมก็คงไม่เหมาะน่ะ ”

ที่มา : http://www.thaicinema.org


Blog : http://mytakuapa.blogspot.com

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2552

Takuapa “Wonderful Town” (English version)

Aditya Assarat’s short films have won 15 awards and been invited to screen at many festivals around the world including Clermont-Ferrand, Tampere, Oberhausen, Sundance, and the New York Film Festival. He made his feature debut in 2005 with 3 Friends which premiered at the Toronto International Film Festival. In addition to his films, he also directs music videos for various local artists and has been nominated for the Channel V Music Video Awards 10 times and won four awards including Music Video of the Year of 2005. He is the recipient of the Hubert Bals Award in 2003 at the Pusan Promotion Plan (PPP). In 2004, he is the first Thai filmmaker ever invited to the Sundance Directors Lab in Utah, where he is the recipient of the inaugural Annenberg Fellowship. In 2005 he is the first Film Prot?g? chosen to work with renowned director Mira Nair as part of the Rolex Mentor and Protege Arts Initiative. In 2006 he started the production company Pop Pictures Co. Ltd with friends Soros Sukhum and Jetnipith Teerakulchanyut to facilitate the production of his second feature film titled Wonderful Town. Shooting was completed in December with a production grant from Rolex SA and the Thailand Ministry of Culture. Aditya is currently in preproduction on a new short film titled I Love U, the third part of the Boy Genius Stories.

Selected Filmography

As Director

Wonderful Town. Up to July 2008, the film has already been travelling to 29 festivals and won nine awards as follows:

- Golden Apricot Yerevan International Film Festival, Silver Prize http://www.gaiff.am/en/winners/

- Taipei Film Festival, Special Jury Prize, New Current

- San Francisco International Film Festival, Special Jury Prize

- IndieLosboa, Portugal, Grand Prix

- Hong Kong Film Festival, fipresci prize

- Deauville International Film Festival, France, Special Jury Prize

- La Palmas International Film Festival, Spain, Special Jury Prize

- Rotterdam International Film Festival, Best VPRO Tiger Awards

- Pusan International Film Festival, Bean Pole New Currents Award

Motorcycle - 16mm, 15 minutes, 2000
2001 Sundance Film Festival
2001 Clermont-Ferrand International Short Film Festival
2001 Tampere International Short Film Festival
2001 Oberhausen International Short Film Festival
2001 London Film Festival
2001 San Francisco Film Festival (Golden Gate AwardGrand Prize)
2001 Pusan Asian Short Film Festival
2001 Hamburg International Short Film Festival
2001 Voladero Short Film Festival (First Prize Fiction Award)
2001 Toronto Worldwide Shorts Festival
2001 Singapore International Film Festival
2001 New York MOMA Award-winning Shorts Screening
2001 Hong Kong New Thai Cinema Screening
2000 New York Film Festival
2000 Chicago International Film Festival (Gold Hugo Best Student Film)
2000 Hampton’s International Film Festival (Student Showcase Award)
2000 Palm Springs Short Film Festival (Special Merit Award)
2000 Shorts International Film Festival (Best Student Film Award)
2000 Bangkok International Film Festival (Vision of Life Award)
2000 Bangkok Short Film Festival (Raj Pestonji Award)

705 Sukhumvit 55 DV, 5 minutes, 2002
2004 Tokyo Short Shorts Film Festival
2004 Pusan Asian Short Film Festival
2003 Hong Kong IFVA Awards
2003 Bangkok Short Film Festival
2002 Substation Asian Film Symposium Screening

Pru Raw Velvet: A concert documentary DV, 120 minutes, 2002
2002 Premiered on Channel V and MTV Thailand

Waiting - 16 mm, 25 minutes, 2003
2004 Vancouver International Film Festival
2004 San Francisco Asian American Film Festival
2004 Tampere International Short Film Festival
2003 Torino Film Festival (Cinemavvenire Award for Best Short Film)
2003 Montreal Festival of Cinema and New Media
2003 Sao Paulo International Short Film Festival
2003 Barcelona Asian Pacific Short Film Festival (Best Short Film)
2003 Busan Asian Short Film Festival
2003 Singapore International Film Festival
2003 Thai Takes Screening at New York Asia Society
2003 Bangkok International Short Film Festival
2003 Bangkok Short Film Festival (Special Merit Award)

3 Friends, DV, 85 minutes, 2005
2005 Toronto International Film Festival
2005 Pusan International Film Festival
2006 Bangkok International Film Festival

Boy Genius, DV, 12 minutes, 2005
2005 Bangkok Short Film Festival
2005 Asiana Short Film Festival (Grand Prize)

Boy Genius 2: The Sigh, DV, 25 minutes, 2006 (2006)
2007 Thai Takes 3 Film Festival

Wonderful Town , HD to 35mm, 85 minutes,
2007 Bean Pole New Current Awards, Pusan International Film Festival

Boy Genius 3: I Love U, DV, 25 minutes,
2007 (currently in pre-production)

WONDERFUL TOWN Details:

Synopsis:

Takua Pa is a small town in the South of Thailand. It is a town of sadness. Ever since the tsunami, people have lost their jobs. There is nothing to do every day. Young people ride motorcycles, play snooker, and get drunk. Old people play checkers, and complain, and remember better times in the past.

One day a stranger comes to town. His name is Ton. He is a salesman.
He rents a room in a small hotel owned by Na, the town daughter. They begin to have a secret love affair. The town finds out about it. The town is bored and angry. And now they have found an enemy, a person they can destroy.

Wit is Na’s younger brother. He is the town gang leader. He loves his sister. He is the one that will lead the town to destroy this stranger. Like a child who kills his pet, he doesn’t understand why he feels such things. All he knows is that he cannot bear to see another person’s happiness.

This film is about a love that grows where there is no more love, like a flower that grows in the dirt. And about a town that tries to destroy the beauty that it cannot have for itself. Can a town be wonderful again?

Director's statement


Wonderful Town was inspired by the town of Takua Pa in the south of Thailand. It is the real town where the 2004 tsunami hit the hardest and 8,000 people were lost. But when I went to visit the town in 2006, there was a strange feeling. The town is very peaceful and beautiful. All the reminders of the tsunami have been cleared away, as if the people try to throw the memory as far away as possible. The roads are clean, the houses are rebuilt, the coconut trees sway in the breeze like always – it is surprising to compare with the photos on the news and in the international magazines like Time and Newsweek from December 2004.

But even though the town looks like new, the people are still not new. It is easy to clean up the physical part, but the psychological part is much harder. I felt that the people are still walking around in a daze, like they just woke up and can’t find their way home. The town’s economy is still ruined and the whole place has a quiet kind of numbness to it. People sit around, not doing much. Young gangsters ride motorcycles in circles. Kids go to school and take swimming lessons. It’s a strange sadness – a town of sadness. So it was this atmosphere that I try to capture. It’s my own way of making a tsunami movie.


Credit : http://www.thaicinema.org


Blog : http://mytakuapa.blogspot.com